วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การจับคู่ลีลาศ (The Hold)



การจับคู่ลีลาศ  (The  Hold)
การจับคู่ลีลาศ  เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ฝึก ลีลาศจะต้องทราบ  และให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ  เพราะถ้าจับคู่ไม่ถูกต้องตามแบบแผน  นอกจากจะทำให้ขาดความสง่างามแล้ว  ยังเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการนำ และการตาม เพราะจะทำให้เสียการทรงตัวและการก้าวเท้าของคู่ลีลาศไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน  หรืออาจทำให้เหยียบเท้ากันได้
ท่าเริ่มต้นในการจับคู่ลีลาศแทบทุกจังหวะ  จะจับคู่แบบบอลรูมปิด ได้แก่  จังหวะวอลซ์จังหวะควิกสเต็ป, จังหวะชา ชา ช่า, และจังหวะบีกิน แต่เมื่อคู่ลีลาศออกลวดลายต่างๆแล้ว  การจับคู่ลีลาศจะเปลี่ยนไปเป็นแบบอื่นตามลวดลายของจังหวะนั้นๆ มีเพียงบางจังหวะที่จับคู่ลีลาศตอนเริ่มต้นแตกต่างออกไป  ได้แก่   จังหวะแทงโก้, จังหวะไจฟว์, และจังหวะร็อคแอนด์โรล
การจับคู่เริ่มต้นในการลีลาศที่นิยมใช้โดยทั่วไปมี  2 แบบ  คือ
                1.  แบบบอลรูมปิด  (Closed  ballroom)
                2.  แบบบอลรูมเปิด (Open  ballroom)




การจับคู่ลีลาศแบบบอลรูมปิด  (Closed  ballroom)
             
ลักษณะการจับคู่ลีลาศของผู้ชาย  (The  Hole  for  Gentleman)
           1.  ยืนตัวตรงเท้าชิดกัน  ปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า  น้ำหนักตัวอยู่บริเวณปลายเท้า  ลำตัวตั้งตรง  เกร็งลำตัวบริเวณ เอง เล็กน้อยโดยไม่ต้องเกร็งไหล่  คอและศีรษะตั้งตรงตามสบาย
           2. ใช้มือซ้ายจับมือขวาของผู้หญิง  โดยการคีบนิ้วทั้งสี่ของผู้หญิงไว้ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้  โอบนิ้วมือที่เหลือแตะหลังมือขวาของผู้หญิงโดยไม่บีบหรือเกร็งมือ
           3. มือซ้ายไม่บิดงอจะเป็นแนวตรงตลอดถึงข้อศอก  แขนซ้ายท่อนบนจากไหล่ถึงข้อศอกลาดลงเล็กน้อย  พยายามให้ข้อศอกงออยู่ในระดับเดียวกับแผ่นหลังของผู้หญิง  ระวังอย่าให้เอนไปข้างหน้า  เพราะจะเป็นการดันแขนขวาของผู้หญิงให้เลยไปข้างหลัง  และระวังอย่างดึงมือขวาของ  ผู้หญิงมาข้างหน้าจนตนเองหลังแอ่น
           4. แขนซ้ายตั้งแต่ข้อศอกจนถึงฝ่ามือ  หักมุมชี้ตรงขึ้นและเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยพยายามรักษาระดับเดิมจากไหล่ถึงข้อศอกไว้  ปลายแขนเอนเข้าหาศีรษะเล็กน้อย (แขนซ้ายตั้งแต่ไหล่ถึงฝ่ามือจะงอเป็นมุมฉาก)
           5.  แขนขวาตั้งแต่ไหล่จนถึงข้อศอกลาดลงจนเกือบมีลักษณะเดียวกับแขนซ้าย  ศอกขวายื่นล้ำจากแนวไหล่ออกไปข้างหน้าเล็กน้อย  เพราะจะต้องอ้อมไปแตะตรงกลางหลังของผู้หญิง  ระวังอย่างยื่นศอกล้ำออกไปมากเกินไปและโอบลึกเกินไป ข้อศอกไม่ตกมาแนบข้างลำตัวจะทำให้ผู้หญิงพาดแขนซ้ายไม่ถนัด  และผู้ชายก็ไม่ถนัดในการนำ (Lead) ผู้หญิง
           6.  ฝ่ามือขวาแตะตรงบริเวณใต้สะบักของผู้หญิง  ปลายนิ้วมือพอดีกับกึ่งกลางสันหลังและแนบชิดกันไม่แตกแยกจากกัน  จะทำให้มองดูแล้วไม่สวยงาม
           7. จับคู่ลีลาศในลักษณะยืนชิดกัน  ผู้ชายจะดึงผู้หญิงให้ยืนอยู่ตรงหน้าหรือยืนเยื้องมาทางขวามือของตนเองเล็กน้อย  แต่ในงานสังคมทั่วๆไปควรยืนจับคู่ห่างกันประมาณ  6 นิ้ว
ลักษณะการยืนจับคู่ลีลาศของผู้หญิง  (The  Hold  for  Lady)
 -   ในการจับคู่ลีลาศของผู้หญิงส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับผู้ชาย  แต่ก็มีสิ่งที่ควรปฏิบัติ  ดังนี้
      1. ยืนตัวตรงเกร็งบริเวณเอนเล็กน้อยโดยไม่ยกและเกร็งไหล่  ยืนให้ตรงกับผู้ชายหรือยืนเยื้องไปทางซ้ายมือของตัวเองเล็กน้อย  แต่ระวังอย่าให้มากเกินไป
      2.  ยื่นมือขวาให้ผู้ชายจับในระดับปกติ  นิ้วมือทั้งสี่ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือแนบชิดกัน
      3. วางแขนซ้ายพาดทับแขนขวาของผู้ชายเบาๆ  นิ้วมือซ้ายแนบชิดกันแตะบนต้นแขนขวาของผู้ชายค่อนไปจนเกือบถึงไหล่
·         ข้อเสนอแนะในการจับคู่ลีลาศแบบบอลรูมปิด
     ในการจับคู่ลีลาศแบบบอลรูมปิด  จะพบว่าคู่ลีลาศมีข้อบกพร่องในการจับคู่  ที่พบเห็นบ่อยๆ  มีดังนี้
1.   คู่ลีลาศยืนอยู่ชิดหรือห่างกันเกินไป
2.  ในขณะลีลาศเมื่อมีการเคลื่อนที่และมีการใช้เท้าเฉียงทะแยงมุมไปทางด้านข้าง (เฉียงฝาหรือเฉียงกลางห้อง)  ถ้าคู่ลีลาศเคลื่อนที่ไม่สัมพันธ์กัน  จะทำให้ทั้งคู่รู้สึกว่า  การเคลื่อนที่นั้นไม่ราบรื่น
3.   มือซ้ายของผู้หญิงมักไม่วางที่ต้นแขนขวาของผู้ชาย
4.   ถ้ามือขวาของผู้ชานแตะทางด้านหลังของผู้หญิงสูงหรือต่ำเกินไป  จะทำให้ผู้หญิงเสียการทรงตัวได้ง่าย
5.   ในขณะเคลื่อนที่ถอยหลัง  น้ำหนักตัวของผู้หญิงมักจะทิ้งไปข้างหลังและตกบนส้นเท้ามากเกินไป




การจับคู่ลีลาศแบบบอลรูมเปิด  (Open  ballroom)

- ลักษณะการจับคู่ลีลาศของผู้ชายและผู้หญิง (The  Hole  for  Gentleman  and Lady)
1.  ผู้หญิงจะยืนอยู่ทางขวามือของผู้ชาย  หันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน  ด้านข้างลำตัวของผู้หญิงและผู้ชายอยู่ชิดกัน
2.  ผู้ชายใช้แขนขวาโอบไปที่เอวของผู้หญิงทางด้านหลัง  ไหล่ขวาบิดเข้าหาผู้หญิง  ยกข้อศอกขวาขึ้นสูงพอประมาณ
3.  ผู้หญิงใช้มือซ้ายวางที่บริเวณไหล่ขวาของผู้ชาย  โดยวางแขนซ้ายพาดทับแขนขวาของ ผู้ชายเบาๆ
4.  ผู้ชายใช้มือซ้ายจับมือขวาของผู้หญิง  เหยียดแขนซ้ายไปข้างหน้า  หรือจะงอศอกซ้ายเข้ามาเล็กน้อยก็ได้
                นอกจากนี้  ยังมีการจับคู่ลีลาศอีกลักษณะหนึ่ง คือ การจับคู่ลีลาศในประเภทจังหวะลาติน อเมริกัน (Latin  American)  การจับคู่ในการลีลาศจังหวะประเภทนี้  จะมีลวดลายการลีลาศและการจับคู่ที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับรูปแบบของการลีลาศ  การจับคู่ลีลาศในแต่ละรูปแบบ มีดังนี้
การจับคู่แบบลาตินอเมริกัน


การจับคู่ลีลาศแบบปิด  (Closed  Position)
การจับคู่ลีลาศแบบปิด  มีความแตกต่างจากการจับคู่ลีลาศแบบบอลรูมปิด  ดังนี้
                1.  ระยะห่างระหว่างคู่ลีลาศ  ทั้งคู่จะยืนห่างกันมากกว่าการจับคู่ลีลาศแบบบอลรูมปิด
                2.  มือขวาของผู้ชายแตะตรงสะบักซ้ายของผู้หญิง  แทนที่จะแตะตรงกลางหลัง
                3.  แขนซ้ายของผู้หญิง  วางซ้อนทาบอยู่บนแขนขวาของผู้ชายอย่างสบายๆ
                4.  มือซ้ายของผู้ชายยังคงจับมือขวาของผู้หญิงไว้เหมือนกับการจับคู่ลีลาศแบบบอลรูมปิด

            การจับคู่ลีลาศแบบเปิด  พบมากในการลีลาศจังหวะไจฟว์  (Jive)  และจังหวะร็อค  แอนด์ โรล (Rock  and  Roll)   เป็นการจับมือเพียงข้างเดียว  โดยผู้ชายใช้มือซ้ายจับมือขวาของผู้หญิง  ยืนห่างกันในระยะที่ต่างตนต่างเหยียดแขนได้พองาม  ส่วนมือข้างที่เป็นอิสระจะถูกยกไว้ข้างลำตัว  หรืออาจจะยกชูสูงขึ้นก็ได้แล้วแต่ลีลาของคู่ลีลาศ
            การจับคู่ลีลาศแบบข้าง  จะพบมากการลีลาศจังหวะ  ชา ชา ช่า   (Cha Cha Cha) และจังหวะ คิวบัน รัมบ้า  (Cuban Rumba) การจับคู่ลีลาศแบบนี้เป็นการจับคู่ลีลาศด้วยมือข้างเดียว  และจับในขณะที่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงยืนหันหน้าเข้าหากัน หรือหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งคู่ยืนห่างกันพอประมาณ ส่วนแขนข้างที่เป็นอิสระอาจเหยียดออกไปข้างลำตัวโดยงอแขนเล็กน้อย  หรืออาจยกชูสูงขึ้นได้
            การจับคู่ลีลาศแบบสองมือ  มักนำมาใช้ลีลาศในจังหวะไจฟว์  (Jive) เป็นส่วนมาก  ทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะยืนหันหน้าเข้าหากันและห่างกันพอสมควร  มือซ้ายของผู้ชายจับมือขวาของผู้หญิงและมือขวาของผู้ชายจับมือซ้ายของผู้หญิง  ลักษณะการจับมือ  ผู้ชายจะหงายฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้น  ผู้หญิงจะคว่ำฝ่ามือทั้งสองข้างวางลงบนฝ่ามือของผู้ชาย  โดยผู้ชายใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกุมมือของผู้หญิงไว้




สมาชิกในกลุ่ม
1. นายณรงค์   อมรจิตรเวชกุล    เลขที่  28
2. นางสาวพัทธ์ธีรา    งามญาณ    เลขที่  29
3. นางสาวภัทรานิษฐ์   ทรัยพ์สุวรรณ    เลขที่  30   
4. นางสาวสกุลรัตน์   ชินนะ     เลขที่   31
5. นางสาวจุรีวรรณ์    จันทะกล    เลขที่  32
6. นายกรรณภพ   แก้วสาคร    เลขที่  33
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  6/6





สรุปบทที่ 1


สรุปบทที่ 1
กระบวนการสร้างเสริม และดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และระบบต่อมไร้ท่อ

                อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของคนเราทำงานสัมพันธ์กันเป็นระบบ  หากระบบใดผิดปกติกะส่งผลต่อระบบอื่นๆด้วย  ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และระบบต่อมไร้ท่อ  สำคัญต่อร่างกายโดยช่วยควบคุมการทำงานและรับความรู้สึกของอวัยวะทุกส่วน  ระบบสืบพันธุ์ช่วยในการสืบทอดเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่ต่อไป  ระบบต่อมไร้ท่อผลิดฮอร์โมนไปตามกระแสเลือดสู่อวัยวะเป้าหมาย

ความสำคัญ และหลักการของกระทวนการสร้างเสริม และดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย

                ความสำคัญของกระบวนการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย  ทั้งภายในและภายนอก  ระบบต่างๆในร่างกายต้องพึ่งพาและทำงานสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด  หากมีอวัยวะใดทำงานผิดปกติ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบอื่นๆด้วย  ด้วยสาเหตุนี้เราจึงต้องรัษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์อยู่เสมอ
                หลักการสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย  มีแนวทางดังนี้
1.รักษาอนามัยส่วนบุคคล  2.บริโภคอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสม  3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  4.พักผ่อนให้เพียงพอ  5.ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ  6.หลีกเลี่ยงอบายมุขและสิ่งเสพติดให้โทษ  7.ตรวจเช็คร่างกาย
                เราควรดูแลเอาใจใส่การทำงานของอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย เช่น ตา หู จมูกผิวหนัง เป็นต้น

ระบบประสาท

                คือระบบที่ประกอบด้วยสมอง  ไขสันหลัง  และเส่นประสาททั่วรางกาย  ซึ่งจะทำหน้าที่ร่วมกันในการควบคุมการทำงานของและรับความรู้สึก  รวมถึงความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และความทรงจำต่างๆ

องค์ประกอบของประสาท
                แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
1.ระบบประสาทส่วนกลาง(central nervous system) ระบบประสาทส่วนกลาง ประกอบด้วยสมอง และไขสัหลัง
                สมอง  เป้นอวัยวะที่สำคุญและมีขนาดใหญ่กว่าส่วนอื่นๆของระบบประสาท
สมองแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่  คือ สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง และสมองส่วนท้าย
1.สมองส่วยหน้า ประกอบด้วย 1.1 ซีรัมรัม มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ ความนึกคิด  ไหวพริบ และความรู้สึกผิดชอบ  1.2 ทาลามัส  ทำหน้าที่เป็นสถานีถ่ายทอดกระแสประสาทที่รับความรู้สึก  1.3 ไฮโพทาลามัส ทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย การเต้นของหัวใจ การนอนหลับ ความดันเลือด ความหิว
2.สมองส่วนกลาง ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของลูกตาและม่านตา
3.สมองส่วนท้าย ประกอบด้วย 3.1 ซีรีเบลลัม  ทำหน้าที่ในการดูแลการทำงานของส่วนต่างๆของร่างกาย และระบบกล้ามเนื้อต่างๆ ให้ประสานสัมพันธ์กันอย่างเหมาะสมราบรื่น  3.2 พอนส์  ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่าง เช่น การเคี้ยวอาหาร การหลั่งน้ำลาย เป็นต้น 3.3  เมดัลลา  ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมของระบบประสาทอัตโนมัติ
ไขสันหลัง  เป็นส่วนที่ต่อจากสมองลงไปตามแนวช่องกระดูกสันหลัง มีแขนงเส้นประสาทแตกออกจากข้อสันหลังมากมาย ไขสันหลังจะมีเยื่อหุ่ม 3 ชั้น
ระบบประสาทส่วนปลาย  ระบบประสาทส่วนปลาย ประกอบด้วย เส้นประสาทสมอง เส้นประสาทไขสันหลัง เส้นประสาทอัตโนมุติ
1.เส้นประสาทสอง มี 12 คู่  2.เส้นประสาทไขสันหลัง มี 31 คู่  3.ประสาทอัตโนมัติ เป็นเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในผนังหลอดเลือด และต่อม ต่างๆ
การทำงานของระบบประสาท  ระบบประสาทป็นระบบที่ทำงานประสานกับกล้ามเนื้อ
การบำรุงรักษาระบบประสาท  แนวทางการบำรุงรักษามีดังนี้  1.ระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะ  2.ระมัดระวังป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางสมอง   3. หลักเลี่ยงยาชนิดต่างๆที่มีผลต่อสมอง  4 . พยายามผ่อนคลายความเครียด  5.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

                                                                ระบบสืบพันธุ์
เป็นระบบเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนของสิ่งมีชีวิตให้มากขึ้นตามธรรมชาติตามธรรมชาติ 
อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย   ประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้  1.กระเพาะปัสสาวะ 2.ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ 3.ต่อมคาวเปอร์ 4.ต่อมลูกหมาก 5.หลอดเก็บอสุจิ 6.หลอดนตัวอสุจิ 7.ท่อปัสสาวะ 8. อัณฑะ 9.ถุงหุ้มอัณฑะถ
1.อัณฑะ เป็นต่อมที่มีลักษณะคล้ายรูปไข่ มีหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย และสร้างฮอร์โมนเพศชาย
2.ถุงหุ้มอัณฑะ เป็นถุงของผิวหนังอยู่นอกช่องท้อง  ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะในการสร้างตัวอสุจิ
3.หลอดเก็บตัวอสุจิ มีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ ขดทบไปมา ทำหน้าที่เก็บตัวอสุจิที่เจริญเต็มที่ก่อนที่จะส่งผ่านไปยังหลอดนำตัวอสุจิ
4.หลอดนำตัวอสุจิ  เป็นท่ออยู่ทัดจากส่วนล่างของหลอดเก็บอสุจิ  ทำหน้าที่ลำเลียงตัวอสุจิไปเก็บไว้ที่ต่อมสร้างร้ำเลียงตัวอสุจิ
5.ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ  เป็นต่อมรูปร่างคล้ายถุงยาวๆ  ทำหน้าที่สร้างอาหารเพื่อใช้เลี้ยงตัวอสุจิ
6.ต่อมลูกหมาก  อยู่ตอนต้นของท่อปัสสาวะ ทำหน้าที่หลั่งสารที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆเข้าไปในท่อปัสสาวะเพื่อทำลายฤทธิ์กรดในท่อปัสสาวะ
7.ต่อมคาวเปอร์  เป็นต่อมที่มีมีรูปร่างกลมขนาดเท่าเม็ดถั่ว  ทำหน้าที่หลั่งสารหล่อลื่นท่อปัสสาวะในขณะที่เกิดการกระตุ้นทางเพศ
                โดยทั่วไปเพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น  คืออายุประมาณ 12-13 ปี และสร้างไปจนตลอดชีวิต  การหลั่งน้ำอสุจิแต่ละครั้งจะมีของเหลวประมาณ 3-4 ลบซม. มีตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ 350-500 ล้านตัว
อวัยวะสืบพันธ์เพศหญิง  อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงปะกอบด้วยส่วนต่าง ดังนี้ 1.ท่อนำไข่  2.รังไข่ 3.มดลูก 4.กระเพาะปัสสวะ 5.ปากมดลูก 6.ช่องคลอด 7.ทวารหนัก 8.ปากช่องคลอด
1.รังไข่ มีลักษณะคล้ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ทำหน้าที่ดังนี้ 1. ผลิตไข่ โดยปกติไข่ซึ่งเป้นเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิงจะจากสุกเดือนละ 1 ครั้ง รังไข่แต่ละข้างสลับกันทุกเดือน ไข่จะออกจากรังไข่ทุกๆเดือน 2.สร้างฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีชนิดที่สำคัญดังนี้ 2.1 เอสโทรเจน เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กี่ยวกับมดลูก ช่องคลอด ต่อมน้ำนม และควบคุมการเกิดลักษณะต่างๆของเพศหญิง 2.2 โพรเจสเทอโรน เป็นฮอร์โมนที่ทำงานร่วมกับเอสโทรเจนในการควบคุมเกี่ยวกับเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของมดลูก
2.ท่อนำไข่หรือปีกมดลูก เป็นท่อที่เชี่ยมระหว่างรังไข่ทั้ง2ข้างของมดลูก ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของไข่ออกจากรัไข่เข้าสู่มดลูก โดยมีปลายข้างหนึ่งเปิดอยู่ใกล้กับรังไข่ เรียกว่า ปากแตร บุด้วยเซลล์ที่มีขนสั่ยๆ ทำหน้าที่พัดโบกไข่มาจากรังไข่เข้าไปในท่อนำไข่
3.มดลูก  มีรูปร่างคล้ายชมพู่ กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร มดลูกมีหน้าที่เป็นที่ฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว และเป็นที่เจริญเติบดตของทารกในครรภ์
4.ช่องคลอด เป็นท่อยาวจากปากช่องคลอดไปจนถึงปากมดลูก ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของอสุจิเข้าสู่มดลูกและเป็นทางออกของทารกเม่อครบกำหนดคลอด และยังเป็นช่องให้ประจำเดือนออกมาสู่ภายนอก
                                                                การบำรุงรักษาระบบสืบพันธุ์
1.ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่สม่ำเสมอ
2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
3.งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
4.พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด
5.ทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
6.สวมใส่เสื้อผ้าที่ ไม่อับชื้นและสะอาด
7.ไม่ใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น
8.ไม่สำส่อนทางเพศ
9.เมื่อเกิดสิ่งผิดปกติใดๆเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ควรปรึกสาแพทย์
                                                               
ต่อมไร้ท่อ
ระบบต่อมไร้ท่อเป็นระบบที่ผลิตสารที่เรียกว่าฮอร์โมน  ทำหน้าที่ควบคุมระบบการทำงานของต่างๆ ฮอร์โมนจะทำงานโดยประสานกับระบบประสาท เราจึงเรียกระบบต่อมไท่อและระบบประสาทนี้ว่า ระบบประสานงาน
ต่อมไร้ท่อในร่างกาย
1.ต่อมใต้สมอง เป็นศูนย์ควบคุมใหญ่ของร่างกาย มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง เช่น สร้างฮอร์โมนท่ำให้ความดันเลือดสูงขึ้น ทำให้ปัสสาวะเป็นปกติ และ การบีบตัวของมดลูกในเพศหญิงขณะคลอดบุตรด้วย
2.ต่อมหมวกไต ใช้สร้างฮอร์โมนอะดรีนาลีน ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนสารที่หลั่งจากปลายประสาทอัตโนมัติ
3.ต่อมไทรอยด์ ทำหน้าที่หลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่า ไทรอกซิน ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโตได้อย่างเหมาะสม
4.ต่อมพาราไทรอยด์  ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนพาราฮอร์โมนที่ควบคุมปริมาณของเคลเซี่ยมในเลือดและรักษาความเป็นกรดเป็นด่างของร่างกายให้เหมาะสม
5.ต่อมที่อยู่ใต้ตับอ่อน  ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำตาลของร่างกาย ถ้าขาดไปทำให้เป็นโรคเบาหวาน
6.รังไข ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนเพศ
7.ต่อมไทมัส  ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
การบำรุงระบบต่อมไร้ท่อ
1.เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่           5.หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้โรงงานยาฆ่าแมลง
2.ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ประมาณ 6-8 แก้ว ต่วัน                             6.พักผ่อนให้เพียงพอ
3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
4.ลดปริมาณเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์